ชุดล้างพิษตับและนิ่วในถุงน้ำดี

หากจะว่าไป ทฤษฎีการล้างสารพิษในร่างกายโดยใช้น้ำมันและน้ำผลไม้ พบว่ามีมาเป็นเวลานานกว่าหลายพันปี โดยเริ่มต้นมาจากศาสตร์อายุรเวชในอินเดีย ซึ่งต่อมาได้พบหลักฐานอ้างอิงการล้างพิษโดยใช้น้ำมันและน้ำผลไม้ดังกล่าวในอารยธรรมอียิปต์อีกด้วย ในซีกโลกตะวันตกการรักษาโดยการทานน้ำมันพร้อมกับน้ำผลไม้เป็นที่นิยมกันมาก เช่นในประเทศแทบยุโรปตะวันออก ถือว่าการทานน้ำมันมะกอก พร้อมน้ำผลไม้ จะช่วยทำให้อาการเจ็บป่วยดีขี้น กระนั้นก็ตาม การล้างพิษตับ และนิ่วในถุงน้ำดี ก็จำกัดอยู่ในแวดวงของผู้ที่สนใจการใช้ธรรมชาติบำบัดในการรักษาเท่านั้น
ในต่างประเทศ ได้มีการทำการวิจัยอย่างไม่เป็นทางการ เพื่อตรวจดูว่าผู้ที่ทำการล้างพิษแล้ว รู้สึกอย่างไรบ้าง พอใจการล้างพิษ หรือไม่  โดยให้ผู้ที่ทำการล้างพิษแล้วสามารถมาประเมินผลการล้างพิษของตนเองโดยตอบคำถาม 93 ข้อ สิ่งที่พบคือ จากผู้ที่ทำการล้างพิษกว่า 1000 คน มีเพียง 300 กว่าคนที่ตอบคำถามเสร็จ และ กว่า 70%  ยอมรับว่าตนเองดีใจที่ได้ทำการล้างพิษ พร้อมทั้งอยากแนะนำให้ผู้อื่นได้ทำด้วย (Liver Flush Survey, curezone.com)
ในประเทศไทยเองในระยะหลังๆมานี้ ก็มีการน้ำเอาหลักการดังกล่าวมาเผยแผ่กันอย่างกว้างขวาง ซึ่งการจัดคอร์สการล้างพิษต่างๆในประเทศไทยเราพบว่าจะมีการสวนล้างลำไส้ และการอดอาหารร่วมอยู่ด้วย ซึ่งไม่สะดวกต่อวิถีชีวิตที่เร่งรีบของคนเราในปัจจุบัน การล้างพิษที่ Bangkok Health Clinic เอง ก็เป็นการประยุกต์เอาศาสตร์การล้างพิษดังกล่าวมาเป็นส่วนหนึ่งของการล้างพิษของเรา เพียงแต่ว่าเราได้ปรับปรุงสูตรการล้างพิษให้ง่าย และสะดวกต่อการทำมากยิ่งขี้น โดยไม่มีการสวนล้างลำไส้ และ อดอาหาร ทำให้ทุกท่านไม่ว่าจะอยากล้างพิษตับ หรือ อยากล้างนิ่วในถุงน้ำดี สามารถนำไปทำได้เองอย่างประหยัด ปลอดภัย ได้ผล รวมทั้งมีแพทย์แผนปัจจุบันที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับธรรมชาติบำบัด คอยดูแลอยู่อย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ชุดล้างพิษตับและนิ่วในถุงน้ำดีโดย Bangkok Health Clinic เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทางคลีนิคได้แนะนำให้ใช้กับคนไข้ที่มีอาการสารพิษคั่งค้าง ตลอดจนผู้ป่วยที่มีอาการของก้อนนิ่วในถุงน้ำดี และถุงน้ำดีอุดตัน โดยใช้หลักธรรมชาติบำบัด และหลักการของพิษวิทยาที่ว่า ร่างกายเราสามารถขับสารพิษออกมาได้ตามธรรมชาติผ่านทางตับ ไต อุจจาระ ปัสสาวะ แต่หากว่าเรามีสารพิษคั่งค้างมากเกินไปประกอบกับความสามารถในการขับสารพิษของร่างกายบกพร่อง ร่างกายของเราจะทำการเตือนเราผ่านทางอาการเจ็บป่วยเรื้อรังต่างๆ เช่นอาการท้องอืดเฟ้อ เรอลม ผื่นคัน ภูมิแพ้ หรือจุกเสียด แน่นท้อง เป็นฝ้า ปวดหลัง ปวดกล้ามเนื้อ หรือ อาการปวดหัวไมเกรน เป้นต้น
ด้วยเหตุนี้ ในบ้างครั้งเมื่อเราคิดว่าเรามีสารพิษสะสมมากเกินไปในร่างกาย ราจึงควรช่วยร่างกายของเราในการขจัดสารพิษดังกล่าว โดยการสร้างสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมสำหรับการขับสารพิษที่เกินออกมาเพื่อให้ร่างกายสามารถขจัดสารพิษของเสียต่างๆออกมาได้เองตามธรรมชาติ
ทั้งนี้ ชุดล้างพิษตับและนิ่วในถุงน้ำดีประกอบไปด้วยสารสกัดสมุนไพรตามธรรมชาติโดยไม่มียาเคมี และใช้เพียงการรับประทานเท่านั้น ตลอดจนไม่มีการสวนล้างลำไส้ หรืออดอาหารติดต่อกันเกิน 1 มื้อ ผู้ใช้จังไม่รู้สึกอ่อนเพลีย หรือมีความเสี่ยงต่อการสวนล้างลำไส้ไม่ถูกวิธี ด้วยเหตุนี้การล้างพิษตับและนิ่วในถุงน้ำดีด้วยชุดล้างพิษของ Bangkok Health Clinic จึงเหมาะกับวิถีวชีวิตที่เร่งรีบของผู้คนในปัจจุบันเป็นอย่างยิ่ง

 

 

จากใจคุณหมอ ที่มาที่ไปของชุดล้างพิษตับและนิ่วในถุงน้ำดี

ในโลกแห่งความเป็นจริงระบบทางเดินอาหารเป็นหัวใจสำคัญในการบ่งบอกถึงสุขภาพของร่างกาย เมื่อหมอได้มาตรวจดูแลผู้ใหญ่ด้วยศาสตร์การแพทย์ผสมผสานพบปะผู้ป่วยจำนวนมาก ประมาณ 2 ใน 3 จะมีอาการท้องผูกเป็นประจำ แน่นท้อง มีลม อืด อุจจาระมีกลิ่น บางครั้งอาจจะมีถ่ายเหลวสลับ และเมื่อทำการตรวจและประเมิน ก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ อาการเหล่านี้ถือเป็นความผิดปกติที่เนื่องมาจากการทำงานของอวัยวะต่างๆ ผิดปกติ โดยเฉพาะในระบบของทางเดินอาหาร ตั้งแต่การหลั่งกรดของกระเพาะอาหาร การไหลของน้ำดี น้ำย่อยจากตับอ่อน การบีบตัวของลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่รวมทั้งความสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องประสานเชื่อมโยงกันให้สมดุล ด้วยการตรวจสุขภาพร่วมกับการตรวจประเมินสุขภาพด้วยพลังงานควันตัม (Quantum scan) และการตรวจเลือดพบผู้ป่วยจำนวนมากที่บ่งชี้ว่ามีน้ำดีที่หลั่งออกมาคั่งค้างและไหลน้อยร่วมกับการมีท่อน้ำดีอักเสบ โดยตัว แกมม่ากลูตาเลส (Gamma Glutarase Enzyme) เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งผู้ที่ผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออก ส่วนใหญ่จะมีอาการท้องอืด ทานอาการที่มีไขมันไม่ได้ คลื่นไส้อาเจียน รวมทั้งมีผิวคล้ำ มักมีอาหารคันตามผิวหนัง ท้องผูกที่ไม่หายด้วยการทานผัก หรือดื่มน้ำจำนวนมากก็ไม่ดีขึ้น เมื่อได้ทราบความรู้ทางการแพทย์โดยเฉพาะด้านการแพทย์แบบธรรมชาติบำบัด (Naturalpathy Medicine) ในเรื่องการขับสารพิษ ออกจากร่างกาย ซึ่งมีหลักการหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือการล้างถุงน้ำดีหรือการล้างนิ่วในถุงน้ำดี โดยที่ก้อนนิ่วนอกจากจะทำให้เกิดการอุดตันโดยเฉียบพลันแล้ว ในภาวะปกติจะขัดขวาง การไหลของน้ำดี ทำให้ไหลได้น้อย จึงทำให้การย่อยอาหารไม่สมบูรณ์มีการคั่งค้างของสารพิษจากตับทำให้ร่างกายมีการแพ้ได้ง่าย การล้างนิ่วในถุงน้ำดีเป็นขบวนการที่มีการดำเนินมานานเกือบ 500 ปี เริ่มต้นจากยุโรป และมีหลายแบบโดยปกติจะใช้เวลาประมารน 7 วัน และในประเทศไทยเรามีการจัด คอร์สของการล้างท่อน้ำดี หมอได้ ศึกษาและดัดแปลง ทำให้การล้างนิ่วในถุงน้ำดีนั้นง่ายขึ้น และสามารถทำได้เองที่บ้าน เมื่อดัดแปลงแล้ว หมอได้ลองนำมาทดลองกับตนเองและญาติ โดยเฉพาะคนที่อ้วน ปรากฏว่าทุกคนมีก้อนนิ่วออกมาจำนวนมากจนเป็ที่น่าพอใจ ร่างกายสบายไม่อึดอัด ทานอาหารได้ดี ไม่แน่นท้อง หลังจากนั้นจึงได้นำมาให้กับผู้ป่วยเกือบ 400 ราย มีทั้งผู้ที่รู้ว่ามีก้อนอยู่แล้ว ไม่พบว่ามีปัญหา หรือผลข้างเคียงใดๆ ทุกคนมีก้อนนิ่วออกมา จำนวนมากหลายรายไม่ได้ส่องดู ก้อนนิ่วที่พบจะมีสีเขียวเป็นส่วนใหญ่ขนาดแตกต่างกัน  ตั้งแต่ 0.5 - 1.5 เซนติเมตร ไม่มีไข้ ไม่ปวดท้อง การถ่ายอุจาระเหลวเป็นไปตามกำหนด จากประสบการณ์ของผู้ป่วย มีผู้ป่วยรายหนึ่ง อายุ 45 ปี พบว่ามีก้อนนิ่วอยู่ในถุงน้ำดีจำนวนมาก จากการทำ MRI แพทย์ได้นัดวันที่ทำการผ่าตัด 3 ครั้งในระยะเวลา 2 ปี ผู้บ่วยได้ลองล้างนิ่่วด้วยชุดล้างนิ่วในถุงน้ำดี ผู้ป่วยพบมีการถ่ายเหลวตรงตามที่กำหนด มีก้อนนิ่วออกมาจำนวนมาก ได้ถ่ายรูปจากการหลายครั้งของการถ่าย 9 ครั้ง และเมื่อนำอุจาระรูปที่ 4 มาล้างจะพบก้อนนิ่วสีเขียว และเมื่อตรวจทางอัลตร้าซาวด์ อีกครั้งก็ไม่พบก้อนนิ่วเลย ผู้ป่วยมีสุขภาพดีขึ้นไม่ปวดแสบท้อง ไม่อ่อนเพลีย ท้องไม่แน่น อืด ถ่ายอุจาระปกติ การล้างนิ่วในถุงน้ำดี จัดเป็นการขับก้อนนิ่ว ป้องกัน ตัวเองด้วยธรรมชาติ ขับถ่ายสบาย ทำได้เองที่บ้าน ด้วยความปลอดถับ สามารถทำได้ทุกคน ยกเว้น เด็กอายุน้อยกว่า 18 ปี สตรีมีครรภ์ โดยที่ร้อยละ 95 ของผู้ใหญ่ทักจะมีก้อนนิ่วอยู่แล้ว ผู้ที่มีความเสี่ยง ควรจะทำการล้างประจำปีละ 1-2 ครั้ง  ต้องการรายละเอียดคอร์สล้างพิษตับและนิ่วถุงน้ำดี คลิกที่นี่

คำถามที่พบบ่อยในการล้างพิษตับและนิ่วในถุงน้ำดี

โดยทั่วไปแล้วในคนไข้ที่เป็นนิ่วในถุงน้ำดี แพทย์จะแนะนำให้เลี่ยงการทานน้ำมันหรืออาหารที่มีไขมัน เนื่องจากอาหารดังกล่าวจะกระตุ้นให้ถุงน้ำดีบีบตัว หากมีนิ่วในถุงน้ำดีอยู่ก่อนแล้ว ผู้ป่วยจะมีอาการจุก เสียด ปวดท้องขี้นมาทันที ในความเป้นจริงอาการที่เกิดขี้นไม่ได้มีสาเหตุมาจากไขมันเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกิดขี้นมาจากอาหารอื่นๆที่เราทานเข้าไปในช่วงเวลาเดียวกันกับการทานอาหารที่มีไขมัน หรือน้ำมันด้วย ซึ่งเมื่อร่างกายได้รับอาหารที่มีการคลุกเคล้ากับไขมันหรือน้ำมันแล้ว ร่างกายซึ่งไม่สามารถทำการย่อยไขมันได้จะทำให้อาหารนั้นเคลื่อนตัวได้ช้าเกิดเป็นอาการอาหารไม่ย่อย เมื่อประกอบกับการที่ผู้ป่วยมีนิ่วในถุงน้ำดีอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ผู้ป่วยจึงมีปัญหาจุก เสียดตามมา ผลก็คืออาการจุกเสียด แน่นท้อง อาหารไม่ย่อย  ในระหว่างการล้างพิษการทานน้ำมันมะกอกกลับให้ผลตรงข้ามโดยที่น้ำมันมะกอกจะทำหน้าที่เป็นสารล่อทำให้ถุงน้ำดีทำการบีบตัวและขับนิ่วออกมาจากทุกน้ำดี โดยไม่ทำให้เกิดอาการจุกเสียด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้ป่วยจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนทำการล้างพิษ โดยมีการทานเอนไซม์สมุนไพรที่ทำให้ก้อนนิ่วอ่อนตัวก่อน นอกจากนี้ก่อนทานน้ำมันมะกอกผู้ป่วยต้องอดอาหารนานถึงหกชั่วโมง จึงทำให้ไม่มีอาหารไปคลุกเคล้ากับไขมันและ ไม่เกิดการกระบวนการย่อยไขมัน ไขมันจะไหลผ่าไปยังลำไส้เล็กโดยไม่มีการย่ยอ เมื่อไม่มีอาหารผู้ป่วยจีงไม่มีอาการอาหารไม่ย่อยตามมา การเตรียมตัวดังกล่าวจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การทานน้ำมันมะกอกระหว่างการล้างพิษไม่ได้ก่อนให้เกิดอาการเช่นเดียวกับการทานน้ำมันหรือไขมันในมื้ออาหารโดยทั่วไป
จากประสบการณ์การจัดค่ายล้างพิษมาและมีผู้ที่เข้ารับการล้างพิษกับเรากว่า 1000 คน เราพบว่ามีผู้ป่วยเพียงน้อย (น้อยกว่า 0.2%) รายที่มีอาการแทรกซ้อนระหว่างการทำการล้างพิษ ซึ่งอาการแทรกซ้อนดังกล่าวไม่ได้ถือว่าเป็นอาการที่รุนแรง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะเรามีการเฝ้าระวัง ตรวจประเมินสุขภาพเบื้องต้นของผู้ที่จะทำการล้างพิษมาก่อนหน้าที่จะให้ผู้ป่วยทำการล้างพิษ ภาวะแทรกซ้อนที่อาจพบเห็นได้ระหว่างการทำการล้างพิษคือ
  1. มีอาการอ่อนเพลีย สืบเนื่องมาจากการถ่าย และไม่ได้ทานสารอาหารไปเพียงพอในวันที่จะเริ่มการถ่าย
  2. มีอาการอาเจียรในวันที่จะมีการขับนิ่ว หลายครั้งเกิดมาจากการที่อาหารไม่ย่อย
สำหรับผู้ที่ตรวจพบว่ามีนิ่วในถุงน้ำดี หลังจากทำการล้างพิษตับและนิ่วในถุงน้ำดีครั้งแรกไปแล้วโดยมากจะรู้สึกว่าอาการต่างๆที่เคยเป็นมาก่อนหน้านั้นมีอาการทุเลาลง สุขภาพดีขี้น เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ หายไป ผิวพรรณผ่องใสขี้นอย่างเห็นได้ชัด น้ำหนักลด ค่าตับดีขี้น เป็นต้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เป็นการยากที่จะยืนยันรับรองว่าก้อนนิ่วในถุงน้ำดีจะหายไปเลยในทันที เนื่องมาจากการมีนิ่วในถุงน้ำดีเกิดจากปัจจัยเสี่ยงหลายๆอย่าง เช่น ปริมาณและขนาดของก้อนนิ่วที่มีมาอยู่แต่เดิม การเตรียมตัวก่อนที่จะทำการล้างพิษ การปฏิบัติตัวหลังจากนั้น ซึ่งสามารถเข้าใจได้ว่านิ่วเป็นสิ่งที่สั่งสมกันมาเป็นเวลานาน การจะทำให้นิ่วหมดหรือหายไปภายในไม่กี่วัน จึงเป็นการกล้าวที่เกินจริง กระนั้นก็ตามเราพบว่าผู้ที่มีนิ่วในถุงน้ำดีมาอยู่แต่เดิม หลังจากทำการล้างพิษครั้งที่หนึ่งแล้ว นิ่วมักมีขนาดเล็กลง และปริมาณน้อยลง เป็นต้น
ในกรณีของผู้ที่ไม่ได้เป็นนิ่วในถุงน้ำดี หรือมีคอเลสเตอรอลสูง และตับทำงานได้ดี คนทุกคนควรทำการล้างพิษทุกๆ 6 เดือน หรือ 12 เดือน เพื่อเป็นการลดการสะสมของสารพิษที่อยู่ในร่างกายลงไป แต่ในกรณีของผู้ที่ตรวจพบนิ่วในถุงน้ำดี ตลอดจนมีปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของตับ และมีอาการของสารพิษตกค้างในร่างกาย ควรทำการล้างพิษเดือนละ 1 ครั้ง ติดต่อกันเป็นเวลาอย่างน้อย 3 เดือน จึงจะเห็นผลความแตกต่างของสุขภาพก่อนและหลังได้อย่างชัดเจน
ผลิตภัณฑ์สำหรับการล้างพิษตับและถุงน้ำดีเหมาะสำหรับ
  • ผู้ที่มีนิ่วถุงน้ำดี (Gallstones)
  • ตับอักเสบเรื้องรัง ไขมันพอกตับ ตับแข็ง ต่าตับสูง
  • ผู้ที่มีโคเลสเตอรอลและไตกรีเซอร์ไรด์สูง
  • ผู้ที่มีอาการของโรคภูมิแพ้เรื้อรับง เป็นหวัด คัดแน่นจมูก โพรงจมูกอักเสบ
  • ผู้ที่มีอาการผิวหนังอักเสบเรื้อรัง เป็นสิว ผื่นแพ้ สารเคมี
  • ผู้ที่มีอาการของโรคกรดไหลย้อน อาหารไม่ย่อย ท้องอืดเฟ้อ จุกเสียดหลังมื้ออาหาร ลำไส้แปรปรวน ท้องผูกเรื้อรัง
ไม่แนะนำให้บุคคลประเภทต่อไปนี้ทำการล้างพิษตับและนิ่วในถุงน้ำดี
  • สตรีที่กำลังมีครรภ์และให้นมบุตร
  • ผู้ที่มีนิ่วในถุงน้ำดีอุดตันอย่างเฉียบพลัน
  • ผู้ที่มีอาการตัวเหลือตาเหลือง และมีค่าความอักเสบของตับสูง
  • ผู้ป่วยเรื้อรังระยะร้ายแรง
  • ผู้ที่ยังใส่ท่อขยายน้ำดีอยู่
  • ผู้ที่มีอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง และมีอาการของโรคไต ไม่สามารถเสี่ยงกับการเสียสมดุลของปริมาณน้ำในร่างกายได้