คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการล้างพิษตับและนิ่วในถุงน้ำดี


นิ่วในถุงน้ำดี การขับสารพิษ และการทำงานของตับ

เครื่องอุลตร้าซาวด์เป็นเครื่องที่ใช้หลักการของคลื่นเสียงความถี่สูงในการตรวจ โดยอาศัยการสะท้อนเสียงของคลื่นเสียงเป็นตัวบ่งบอกถึงวัตถุแปลกปลอม ด้วยเหตุนี้เองในกรณีที่วัตถุมีความแหนาแน่นของมวลวัตถุสูง ก็จะมีเสียงสะท้อนมาก ทำให้ความแม่นยำในการตรวจมีมาก แต่ในกรณีของวัตถุที่มีความหนาแน่นของมวลวัตถุต่ำ คลื่นเสียงจึงสะท้อนได้ต่ำ ความแม่นยำในการตรวจจึงไม่สูงเท่ากับในกรณีแรก จากหลักความเข้าใจที่ได้กล่าวมาแล้ว 90% ของก้อนนิ่วที่พบในถุงน้ำดีของเราเป็นก้อนนิ่วคอเลสเตอรอลซึ่งจะมีลักษณะนิ่ม ด้วยเหตุนี้โดยทั่วไปความหนาแน่นของมวลวัตถุของก้อนนิ่วจึงต่ำ เราจึงอาจไม่พบก้อนนิ่วดังกลา่าวโดยการใช้เครื่องอุลตร้าซาวด์ในการตรวจ
โดยปกติตับมีหน้าที่ในการสร้างน้ำดีเพื่อมาช่วยในการย่อยไขมัน และอาหารต่างๆ นอกจากนี้การที่น้ำดีหลั่งจะช่วยให้เอนไซม์ที่หลั่งออกมาจากตับอ่อนทำงานได้ดีขี้น ทำให้การย่อย และดูดซึมอาหารเป็นไปอย่างสมบูรณ์ แต่ในกรณีของผู้ที่มีสารพิษตกค้างหรือตรวจพบนิ่วในถุง้นำดี ส่วนหนึ่งเกิดมาจากการที่น้ำดีมีความหนืดสูงเนื่องจากประกอบไปด้วยกรดไขมัน และเกลือน้ำดีที่ไม่สมดุล ทำให้น้ำดีมีการตกตะกอนเป็นก้อนทิ้งค้างไว้ในท่อแขนงตับ ถุุงน้ำดี และท่อน้ำดี เมื่อการตกตะกอนดังกล่าวมีปริมาณที่มากขี้นก็จะไปอุดตันทำให้น้ำดีไม่สามารถหลั่งได้อย่างปกติ อาหารจึงไม่ได้รับการย่อยที่ลำไส้เล็กตอนบน อาหารที่เกิดการหมักหมม ไม่ได้ย่อย จะสร้างแก๊ซขึ้นมาในกระเพาะ กลายเป็นลม ก่อให้เกิดอาการท้ัองอืดเฟ้อ ในกรณีของผู้ที่มีอาการรุนแรง การเกิดเป็นลมดังกล่าวสามารถตีขี้นไปด้านบนเข้าสู่ช่องอาหาร พร้อมกับด้นเอาน้ำย่อยขี้นไปด้วย เมื่อประกอบกันการที่กระเพาะทำงานไม่สมบูรณ์อยู่ก่อนหน้านี้แล้ว กลายเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการของโรคกรดไหลย้อน
โดยปกติแล้วถุงน้ำดีจะมีการบีบตัว เพื่อหลั่งน้ำดีที่เข้มข้นออกมาช่วยในการย่อยไขมันและกระตุ้นให้เอนไซม์ที่หลั่งมาจากตับอ่อนทำงานได้ดี แต่ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการ  จุก เสียด บริเวณลิ้นปี่ หรือในบางครั้งอาจมีการปวดร้าวไปถึงหลัง เรียกว่า Gallbladder Attack เกิดขี้นเนื่องจากในถุงน้ำดีมีนิ่วในถุงน้ำดีมีปริมาณมาก และจับตัวแข็ง แน่น ทำให้เมื่อถุงน้ำดีไทำการบีบตัวตามปกติไม่สามารถบีบตัวได้ ส่งผลให้เกิดอาการจุก เสียด แน่น ท้องหลังทานอาหาารตามมา หลังจากที่ผู้ป่วยทำการล้างพิษตับและนิ่วในถุงน้ำดี ส่งผลให้นิ่วที่ค้างอยู่ในถุงน้ำดีมีปริมาณน้อยลง และขนาดเล็กลง ส่งผลให้อาการจุก เสียด บริเวณลิ้นปี่ ลดลงไปโดยปริยาย
ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าความรู้ทั้งหลายของวิทยาศาสตร์ประยุกต์เป็นความรู้ที่เกิดขี้นเนื้องมาจากการคิดค้นบนระบบตรรกะที่เคยเกิดขี้นมาก่อนแล้ว ทั้งนี้รวมถึงความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ซึ่งก็ก็มีการแพทย์หลากหลายให้เราสามารถเลือกใช้ ในบริบทของวิทยาศาสตร์การแพทย์แผนปัจจุบันเองก็มีแนวคิดที่แตกต่างจากการแพทย์แผนธรรมชาติบำบัด กล่าวคือการแพทย์แผนปัจจุบันเน้นการรักษาอาการ จึงเอื้อให้กับการรักษาโรคเฉียบพลัน เช่น ขา แขนหัก รวมถึงการรักษาอาการต่างๆ เช่น น้ำมูก เป็นไข้ เป็นต้น ในขณะเดียวกันการแพทย์แผนนธรรมชาติบำบัดเน้นการรักษาที่ต้นเหตุที่แท้จริงของปัญหา จึงเหมาะกับการรักษาโรคเรื้อรังและใช้ศาสตร์การแพทย์ฟื้นฟูการทำงานของอวัยวะต่างๆเข้ามาช่วยเหลือ เช่น เป็นโรคภูมิแพ้เรื้อรังทำให้เกิดน้ำมูกบ่อยครั้ง แพทย์แผนธรรมชาติบำบัดมักจะตรวจดูสารพิษที่คั่งค้าง เนื่องจากมีความเชื่อว่าเกิดจากสารพิษไปสร้างความระคายเคืองให้ระบบท่อในร่างกาย ทำให้ภูมิต้านทานของร่างกายสร้างมูกออกมาตามระบบท่อเพื่อบรรเทาอาการระคายเคืองนั้น ด้วยแนวตรรกะที่แตกต่างนี้เอง ทำให้แพทย์ทั้งสองทางมีความเห็นในการรักษาโรคชนิดเดียวกันที่แตกต่าง ในกรณีของการมีนิ่วในถุงน้ำดี แพทย์แผนปัจจุบันที่แนะนำให้มีการผ่าตัดแม้คนไข้จะยังไม่มีอาการถุงน้ำดีอักเสบ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการต้องการตัดความเสี่ยงในกรณีที่อาการเป็นมากไปกว่านี้ และมองว่าอาการดังกล่าวเป็นอาการเฉียบพลัน ขณะเดียวกันในกรณีของแพทย์แผนธรรมชาติบำบัด มองว่าการมีนิ่วในถุงน้ำดีไม่ถือเป็นออาการเฉียบพลัน จึงจะเน้นรักษาโดยการกระตุ้นให้ร่างกายขับก้อนนิ่วในถุงน้ำดีออกมาเอง โดยการสร้างสภาวะที่เหมาะสมให้ร่างกายสามารถขับสารพิษที่เกิน เพราะตระหนักว่าก้อนนิ่วในถุงน้ำดีเป็นสาเหตุหลักของอาการเจ็บป่วยต่างๆ กระนั้นก็ตามแพทย์แผนธรรมชาติบำบัดก็มีจุดอ่อน เนื่องจากต้องใช้เวลารักษา ไม่เหมาะกับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงและต้องการการรักษาแบบเฉียบพลันในทันทีทันใด ด้วยหลักเหตุ ปัจจัย ที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้ผู้ป่วยโรคนิ่วในถุงน้ำดีที่เข้ารักษาในโรงพยาบาลแพทย์แผนปัจจุบัน มักไม่ได้รับความรู้เกี่ยวกับการแพทย์แขนงอื่น และไม่มีทางเลือกอื่นมากนักนอกจากการเข้ารับการผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออกเพื่อรักษาอาการของโรคนิ่วในถุงน้ำดี
90% ของนิ่วในถุงน้ำดีเป็นนิ่วคอเลสเตอรอล ซึ่งมีลักษณะนิ่ม ไม่แข็ง หากตกในน้ำจะลอย ไม่จม ด้วยเหตุนี้เมื่อลองนำนิ่วดังกล่าวมาบี้ดูจะมีนิ่ม คล้ายดินน้ำมัน หรือเม็ดแป้ง ในกรณีของผู้ที่มีสารพิษสะสมมาก นิ่วในถุงน้ำดีดังกล่าวจะมีกลิ่นเหม็นคาว ในขณะเดียวกันก้อนนิ่วบางส่วนก็เป็นก้อนนิ่วแคลเซียม ซึ่งมีลักษณะแข็ง และมีสีขาว คล้ายก้อนหิน เนื่องมาจากมีแคลเซียมที่ร่างกายต้องการขับออกมาทางท่อน้ำดีเกาะก้อนนิ่วอยู่ จึงมีลักษณะแข็ง และจมน้ำ
แทนที่เราจะพิจารณาจากองค์ประกอบด้านเคมี และความเป็นไปได้ของการเกิดสบู่จากสารที่ทานเข้าไป เราอยากให้ท่านพิจารณาจากข้อมูลจากประสบการณ์จริงของผู้ที่ทำการล้างพิษตับและนิ่วในถุงน้ำดีกับเราที่เราได้ทำการสอบถาม ติดตามอาการหลังการล้างพิษ และรวบรวมไว้จากการจัดคอร์สล้างพิษหลายครั้งที่ผ่านมา จากการศึกษารวบรวม เราพบว่ากว่า 70% ของผู้ที่ทำการล้างพิษกับเรา เป็นผู้ที่ได้รับการตรวจอุลตร้าซาวด์แล้วพบว่ามีก้อนนิ่วในถุงน้ำดี หลังจากที่ทำการล้างพิษแล้ว หลายท่านได้เข้าตรวจอุลตร้าซาวด์พบว่าก้อนนิ่วมีขนาดเล็กลงอย่างมีนัยยะสำคัญ ขณะเดียวกันก้อนนิ่วก็มีจำนวนลดลงอีกด้วย ทั้งนี้นอกจากจะขึ้นอยู่กับอาการความรุนแรงของอาการต่างๆก่อนหน้า ก็ยังขึ้นอยู่กับความถี่ในการล้างพิษของท่านเหล่านี้อีกด้วย นั้นคือ หากทำการล้างพิษถี่ และบ่อยมากเท่าใด ขนาดและปริมาณของก้อนนิ่วที่ยังคงค้างอยู่ในถุงน้ำดีก็จะลดลงมากขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้เมื่อพิจารณาตามอาการของผู้ป่วย พบว่าอาการต่างๆที่เกิดขี้นเนื่องมาจากการมีนิ่วในถุงน้ำดีเช่น ท้องอืด เฟ้อ เรอลม มีแก็ส อาการจุกเสียด หลังทานอาหาร ก็ลดลงอย่างชัดเจนไปพร้อมๆกันอีกด้วย ทั้งนี้เมื่อเรานำผลอุลตร้าซาวด์ ตลอดจนเปรียบเทียบดูอาการที่ดีขี้นอย่างมีนัยยะสำคัญของผู้ป่วยแล้ว เราจึงสามารถปักใจเชื่อได้ว่าก้อนสีเขียวที่หลุดออกมาจากการถ่าย เป็นก้อนนิ่วในถุงน้ำดีจริงๆ
ก้อนสีเขียวที่หลุดออกมาขณะถ่ายนั้นถือว่าเป็นก้อนนิ่วคอเลสเตอรอล ซึ่งถือเป็น 90% ของก้อนนิ่วที่พบในถุงน้ำดี ด้วยเหตุนี้เมื่อทำการบี้ดูจะพบว่าสามารถบี้ได้ ไม่แข็ง ผู้ใช้หลายคนพบว่าก้อนนิ่วของตนเองมีสีเขียวเข้ม คล้ายสีทับทิม ซึ่งสีของก้อนนิ่วด้งกล่าวเกิดมาจากการกลั่นตัวของน้ำดีซึ่งประกอบไปด้วยบิลลิรูบิน สารสีเขียวซึ่งถูกสร้างออกมาจากเลือดของคน

การใช้ชุดล้างพิษตับและนิ่วในถุงน้ำดี

โดยทั่วไปแล้วในคนไข้ที่เป็นนิ่วในถุงน้ำดี แพทย์จะแนะนำให้เลี่ยงการทานน้ำมันหรืออาหารที่มีไขมัน เนื่องจากอาหารดังกล่าวจะกระตุ้นให้ถุงน้ำดีบีบตัว หากมีนิ่วในถุงน้ำดีอยู่ก่อนแล้ว ผู้ป่วยจะมีอาการจุก เสียด ปวดท้องขี้นมาทันที ในความเป้นจริงอาการที่เกิดขี้นไม่ได้มีสาเหตุมาจากไขมันเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกิดขี้นมาจากอาหารอื่นๆที่เราทานเข้าไปในช่วงเวลาเดียวกันกับการทานอาหารที่มีไขมัน หรือน้ำมันด้วย ซึ่งเมื่อร่างกายได้รับอาหารที่มีการคลุกเคล้ากับไขมันหรือน้ำมันแล้ว ร่างกายซึ่งไม่สามารถทำการย่อยไขมันได้จะทำให้อาหารนั้นเคลื่อนตัวได้ช้าเกิดเป็นอาการอาหารไม่ย่อย เมื่อประกอบกับการที่ผู้ป่วยมีนิ่วในถุงน้ำดีอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ผู้ป่วยจึงมีปัญหาจุก เสียดตามมา ผลก็คืออาการจุกเสียด แน่นท้อง อาหารไม่ย่อย  ในระหว่างการล้างพิษการทานน้ำมันมะกอกกลับให้ผลตรงข้ามโดยที่น้ำมันมะกอกจะทำหน้าที่เป็นสารล่อทำให้ถุงน้ำดีทำการบีบตัวและขับนิ่วออกมาจากทุกน้ำดี โดยไม่ทำให้เกิดอาการจุกเสียด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้ป่วยจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนทำการล้างพิษ โดยมีการทานเอนไซม์สมุนไพรที่ทำให้ก้อนนิ่วอ่อนตัวก่อน นอกจากนี้ก่อนทานน้ำมันมะกอกผู้ป่วยต้องอดอาหารนานถึงหกชั่วโมง จึงทำให้ไม่มีอาหารไปคลุกเคล้ากับไขมันและ ไม่เกิดการกระบวนการย่อยไขมัน ไขมันจะไหลผ่าไปยังลำไส้เล็กโดยไม่มีการย่ยอ เมื่อไม่มีอาหารผู้ป่วยจีงไม่มีอาการอาหารไม่ย่อยตามมา การเตรียมตัวดังกล่าวจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การทานน้ำมันมะกอกระหว่างการล้างพิษไม่ได้ก่อนให้เกิดอาการเช่นเดียวกับการทานน้ำมันหรือไขมันในมื้ออาหารโดยทั่วไป
สำหรับผู้ที่ตรวจพบว่ามีนิ่วในถุงน้ำดี หลังจากทำการล้างพิษตับและนิ่วในถุงน้ำดีครั้งแรกไปแล้วโดยมากจะรู้สึกว่าอาการต่างๆที่เคยเป็นมาก่อนหน้านั้นมีอาการทุเลาลง สุขภาพดีขี้น เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ หายไป ผิวพรรณผ่องใสขี้นอย่างเห็นได้ชัด น้ำหนักลด ค่าตับดีขี้น เป็นต้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เป็นการยากที่จะยืนยันรับรองว่าก้อนนิ่วในถุงน้ำดีจะหายไปเลยในทันที เนื่องมาจากการมีนิ่วในถุงน้ำดีเกิดจากปัจจัยเสี่ยงหลายๆอย่าง เช่น ปริมาณและขนาดของก้อนนิ่วที่มีมาอยู่แต่เดิม การเตรียมตัวก่อนที่จะทำการล้างพิษ การปฏิบัติตัวหลังจากนั้น ซึ่งสามารถเข้าใจได้ว่านิ่วเป็นสิ่งที่สั่งสมกันมาเป็นเวลานาน การจะทำให้นิ่วหมดหรือหายไปภายในไม่กี่วัน จึงเป็นการกล้าวที่เกินจริง กระนั้นก็ตามเราพบว่าผู้ที่มีนิ่วในถุงน้ำดีมาอยู่แต่เดิม หลังจากทำการล้างพิษครั้งที่หนึ่งแล้ว นิ่วมักมีขนาดเล็กลง และปริมาณน้อยลง เป็นต้น
ไม่แนะนำให้บุคคลประเภทต่อไปนี้ทำการล้างพิษตับและนิ่วในถุงน้ำดี
  • สตรีที่กำลังมีครรภ์และให้นมบุตร
  • ผู้ที่มีนิ่วในถุงน้ำดีอุดตันอย่างเฉียบพลัน
  • ผู้ที่มีอาการตัวเหลือตาเหลือง และมีค่าความอักเสบของตับสูง
  • ผู้ป่วยเรื้อรังระยะร้ายแรง
  • ผู้ที่ยังใส่ท่อขยายน้ำดีอยู่
  • ผู้ที่มีอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง และมีอาการของโรคไต ไม่สามารถเสี่ยงกับการเสียสมดุลของปริมาณน้ำในร่างกายได้
ผลิตภัณฑ์สำหรับการล้างพิษตับและถุงน้ำดีเหมาะสำหรับ
  • ผู้ที่มีนิ่วถุงน้ำดี (Gallstones)
  • ตับอักเสบเรื้องรัง ไขมันพอกตับ ตับแข็ง ต่าตับสูง
  • ผู้ที่มีโคเลสเตอรอลและไตกรีเซอร์ไรด์สูง
  • ผู้ที่มีอาการของโรคภูมิแพ้เรื้อรับง เป็นหวัด คัดแน่นจมูก โพรงจมูกอักเสบ
  • ผู้ที่มีอาการผิวหนังอักเสบเรื้อรัง เป็นสิว ผื่นแพ้ สารเคมี
  • ผู้ที่มีอาการของโรคกรดไหลย้อน อาหารไม่ย่อย ท้องอืดเฟ้อ จุกเสียดหลังมื้ออาหาร ลำไส้แปรปรวน ท้องผูกเรื้อรัง
ในกรณีของผู้ที่ไม่ได้เป็นนิ่วในถุงน้ำดี หรือมีคอเลสเตอรอลสูง และตับทำงานได้ดี คนทุกคนควรทำการล้างพิษทุกๆ 6 เดือน หรือ 12 เดือน เพื่อเป็นการลดการสะสมของสารพิษที่อยู่ในร่างกายลงไป แต่ในกรณีของผู้ที่ตรวจพบนิ่วในถุงน้ำดี ตลอดจนมีปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของตับ และมีอาการของสารพิษตกค้างในร่างกาย ควรทำการล้างพิษเดือนละ 1 ครั้ง ติดต่อกันเป็นเวลาอย่างน้อย 3 เดือน จึงจะเห็นผลความแตกต่างของสุขภาพก่อนและหลังได้อย่างชัดเจน
จากประสบการณ์การจัดค่ายล้างพิษมาและมีผู้ที่เข้ารับการล้างพิษกับเรากว่า 1000 คน เราพบว่ามีผู้ป่วยเพียงน้อย (น้อยกว่า 0.2%) รายที่มีอาการแทรกซ้อนระหว่างการทำการล้างพิษ ซึ่งอาการแทรกซ้อนดังกล่าวไม่ได้ถือว่าเป็นอาการที่รุนแรง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะเรามีการเฝ้าระวัง ตรวจประเมินสุขภาพเบื้องต้นของผู้ที่จะทำการล้างพิษมาก่อนหน้าที่จะให้ผู้ป่วยทำการล้างพิษ ภาวะแทรกซ้อนที่อาจพบเห็นได้ระหว่างการทำการล้างพิษคือ
  1. มีอาการอ่อนเพลีย สืบเนื่องมาจากการถ่าย และไม่ได้ทานสารอาหารไปเพียงพอในวันที่จะเริ่มการถ่าย
  2. มีอาการอาเจียรในวันที่จะมีการขับนิ่ว หลายครั้งเกิดมาจากการที่อาหารไม่ย่อย

สนใจใช้ชุดล้างพิษ

ลำดับขั้นตอนในการสั่งซื้อชุดล้างพิษตับและนิ่วในถุงน้ำดีเป็นดังนี้
  1. ผู้สนใจใช้ชุดล้างพิษตับและนิ่วในถุงน้ำดีติดต่อสอบถามข้อมูลมาที่คลีนิก
  2. ประเมินสุขภาพเบื้องต้นด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ (ทางโทรศัพท์ หรือ ที่คลีนิก)
    1. หากแพทย์เห็นว่าสามารถทำได้เลย จึงสามารถซื้อชุดล้างพิษไปใช้ได้
    2. หากแพทย์เห็นว่าต้องการการเตรียมความพร้อมก่อนทำ อาจต้องทานยาสมุนไพรตามที่แพทย์ให้ก่อนที่จะซื้อชุดล้างพิษ
  3. การชำระเงินเพื่อซื้อชุดล้างพิษ
    1. หากท่านมารับชุดล้างพิษที่คลีนิก ท่านสามารถชำระเงินได้ที่คลีนิกเลย
    2. หากท่านสั่งซื้อชุดทางไปรษณีย์ เจ้าหน้าที่จะบอกหมายเลขบัญชีธนาคารเพื่อให้ท่านทำการโอน เมื่อโอนแล้สวท่านต้องส่งหลักฐานการโอนมาเพื่อยืนยันได้ทางไลน์ หรือ ทาง email พร้อมทั้งส่งชื่อที่อยู่เบอร์โทรติดต่อ มาให้เจ้าหน้าที่
  4. ในกรณีที่ชำระเงินทางการโอน เมื่อได้รับหลักฐานการโอนเงินแล้ว เจ้าหน้าที่จะทำการจัดส่งให้ลูกค้าภายใน 2 วันทำการ (คลีนิกหยุดวันจันทร์)
  5. เมื่อจัดส่งแล้วลูกค้าจะได้รับ tracking number ยืนยันการส่งของ
  6. เมื่อลูกค้าได้รับของแล้วกรุณาติดต่อมาเพื่อยืนยัน่ว่าได้รับสินค้าเรียบร้อยแล้ว
  7. ภายในหนึ่งเดือนหลังจากท่านได้รับสินค้า ทางเจ้าหน้าที่จะทำการติดตามผลการล้างพิษ และติดตามดูว่าอาการของท่านเป็นอย่างไร มีปัญหาในการใช้ หรือข้อแนะนำใดเพิ่มเติมหรือไม่
เนื่องด้วยชุดล้างพิษตับและนิ่วในถุงน้ำดีของ Bangkok Health Clinic เป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ต้องการแพทย์เฉพาะทางในการดูแลประเมินผู้ป่วย เราจึงไม่มีนโยบายในการจำหน่ายให้ผู้แทนจำหน่าย ด้วยเพราะผลิตภัณฑ์อาจก่อให้เกิดผลเสียแก่ผู้ใช้ได้หากไม่ได้รับการประเมินดูแลอย่างใกล้ชิด
เนื่องจากชุดล้างพิษจัดเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ ไม่ได้เหมาะกับคนทุกคน หากจะใช้ให้เห็นผล ตรงตามจุดประสงค์เราจึงต้องขอประเมินสุขภาพเบื้องต้นของผู้ที่จะทำการล้างพิษโดยแพทย์และพยาบาลผู้เชี่ยวชาญก่อน ด้วยเหตุนี้เองเราจึงไม่ได้จัดให้มีการจำหน่ายชุดล้างพิษตับและนิ่วในถุงน้ำดีตามห้างร้าน หรือแม้แต่ร้านขายยาต่างๆ ชุดล้างพิษตับและนิ่วในถุงน้ำดีนี้มีจำหน่ายเพียงแค่ที่ Bangkok Health Clinic เท่านั้น หากท่านสนใจสั่งซื้อชุดล้างพิษตับและนิ่วในถุงน้ำดี กรุณาติดต่อ Bangkok Health Clinic ที่เบอร์โทร 081-255-4419 หรือ 02-741-4845 หรือติดต่อทางไลน์ไอดี bangkokhealth เพื่อนัดหมายประเมินสุขภาพ หรือหากไม่สะดวกไม่สะดวกเดินทางมาพบเพื่อประเมินอาการที่คลีนิก ทางคลีนิกของเราบริการจัดส่งให้ทางไปรษณีย์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจำเป็นต้องขอติดต่อเพื่อประเมินสุขภาพก่อนทุกครั้ง
ขั้นตอนสำตัญของการล้างพิษตับและนิ่วในถุงน้ำดีที่บ้าน และการเข้าค่ายล้างพิษไม่มีความแตกต่างกัน เพียงแต่ในการล่างพิษผูัเข้าร่วมจะสามารถเข้าถึงวิทยากร แพทย์ พยาบาลได้อย่างใกล้ชิด ในบรรยากาศที่ผ่อนคลาย รวมทั้งมีการจัดการบรรยายเกี่ยวกับสาเหตุของการเกิดโรคนิ่ว และการดูแลสุขภาพหลังจากการเข้าคอร์สแล้ว รวมทั้งมีการตรวจประเมินสุขภาพเบื้องต้นโดยแพทย์ ระหว่างการเข้าค่ายล้างพิษตับและถุงน้ำดีเจ้าหน้าที่จะเป็นผู้จัดเตรียมยาสมุนไพร ให้ผู้เข้าคอร์สได้ทานตามเวลาที่กำหนดไว้โดยที่ผู้เข้าคอร์สไม่ต้องกังวลต่อยาที่ต้องทานใดๆทั้งสิ้น สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยทำการล้างพิษมาก่อน และเป็นผู้ที่มีปัญหาต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิดจากเจ้าหน้าที่แพทย์และพยาบาล เราจะแนะนำให้เข้าค่ายล้างพิษก่อนเพื่อความมั่นใจ หลังจากเข้าค่ายแล้ว หากต้องการทำซ้ำจึงจะสามารถซื้อชุดล้างพิษตับและนิ่วในถุงน้ำดีไปทำได้เองที่บ้าน
สำหรับการจัดส่งชุดล้างพิษตับและนิ่วในถุงน้ำดีภายในประเทศไทย ทางคลีนิกใช้บริการการจัดส่งทาง EMS ของไปรษณีย์ไทย และมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ 50 บาท สำหรับหนึ่งชุด หากซื้อมากกว่า หนึ่งชุดขี้นไป มีค่าจัดส่งเพิ่มชุดละ 20 บาท ค่าใช้จ่ยในการส่งจึงเป็นด้งนี้
  • 1 ชุด --------- 50 บาท
  • 2 ชุด -------- 50+20 บาท
  • 3 ชุด -------- 50+ 40 บาท่
  • 4 ชุด -------- 50+60 บาท
  ในกรณีการจัดส่งยังต่างประเทศ ผู้ซื้อจะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายในการจัดส่ง เราแนะนำให้ส่งโดยการจัดส่งแบบลงทะเบียนโดยไปรษณีย์ไทย ซึ่งสินค้ามักใช้เวลา 2-3 อาทิตย์ในการจัดส่ง